|
|||||||
|
|||||||
|
|||||||
|
Archive for the ‘อนิเมชั่น’ Category
|
|||||||||
|
|||||||||
|
|||||||||
|
|||||||||
|
|||||||||
|
|||||||||
|
|||||||||
|
บทความว่าด้วย “ทรงผม” ของเหล่าบรรดาชาวตัวการ์ตูน |
||||||||||||||||||||||||||
Update 25/05/2551
ขึ้นเทอมใหม่แล้ว ก็เป็นช่วงที่ไม่พึงปรารถณาสำหรับบรรดาน้องๆวัยเรียน(โดยเฉพาะน้องประถม -ม.ต้น รร.รัฐฯ)ที่ต้องมาตัดผมเกรียน ตัดผมสั้นให้เห็นติ่งหู จากเดิมที่เคยไว้ผมได้ยาวอิสระ จะโกรกผม จะแต่งหล่อ ยังไงก็ได้ในช่วงปิดเทอม แต่ม.ปลายยังดีหน่อยที่ยังไว้ผมยาวได้ ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่หากไม่ตัดตามแบบที่กำหนด มีสิทธิ์เจอฝ่ายปกครองเฉ่งเอาได้ (พูดก็พูดเถอะ ตัดผมเกรียน สั้นๆ มันช่วยให้เด็กเรียนเก่ง มีระเบียบวินัย ตามที่ผู้หลักผู้ใหญ่บางคนว่าไว้จริงๆนะเหรอ…. ถึงแม้จะดูมีระเบียบในภายนอกก็เถิด แต่ทำไมสภาพสังคมมันกลับแย่ลงล่ะ?) หากจะเปรียบเทียบกันแล้ว เด็กนักเรียนในการ์ตูนญี่ปุ่นกลับไว้ทรงผมได้อย่างอิสระ จะสั้นยาวแบบไหนก็ได้ มิหนำซ้ำยังย้อมสีผมสารพัดสีมาโรงเรียนยังได้เลย(ทั้งๆในความเป็นจริง เด็กนักเรียนญี่ปุ่นก็ไม่ได้มีอิสระในการไว้ทรงผมมากเท่ากับที่เคยเห็นใน การ์ตูน…..แต่โดยรวมก็ยังอิสระ และ ดูมีระเบียบมากกว่าบ้านเราก็แล้วกัน……เอาน่า ใครจะดีจะเลว มันไม่ได้ขึ้นกับทรงผมหรอก แต่มันขึ้นอยู่กับคนเรามากกว่า ) พอพูดถึงเรื่องนี้ ก็พาลนึกถึงบรรดาตัวการ์ตูนจากเรื่องต่างๆ ที่ต่างก็มีทรงผมที่โดดเด่นแต่งต่างกันออกไป ซึ่งทรงผมของตัวการ์ตูนบางตัวนั้น ก็เป็นตัวช่วยเสริมความเด่นในด้านของรูปลักษณ์ของตัวละคร ยิ่งทรงผมที่แปลกแหวกแนวได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เป็นที่จดจำของคนอ่านมากขึ้น ผิดกับบางคนที่ไว้ทรงผมธรรมดาสุดๆแล้วเนี่ย แทบจะดูเหมือนตัวประกอบได้เลย (ยังไงซะ บางตัวก็โชคดี ที่ได้ลักษณะคาแร็คเตอร์เด่นๆช่วยเสริม เลยพอเป็นที่จดจำได้บ้าง) หากจะพูดถึงตัวการ์ตูนที่มีทรงผมเด่นเป็นเอกลักษณ์นั้น ก็มีอยู่หลายคน จะมีใครบ้างไปดูกันเลย – เริ่มจากตัวการ์ตูนดังที่มีทรงผมแปลกสุดๆ ที่ทุกคนคุ้นเคยสุดๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นบรรดาชาวไซย่า อย่าง โกคู กับ เบจิต้า ที่ ไม่รู้พี่แกเซ็ตผมยังไงให้มันตั้งเด่ได้ คงเปลืองเยลไปหลายกระปุกแหงๆ…. สำหรับคนที่คิดจะทำผมทรงนี้ตาม ซึ่งจริงๆแล้ว มันเป็นทรงผมธรรมชาติของชาวไซย่าเค้าล่ะ (สังเกตได้จากตอนโกคูในสภาพเด็กทารก ลงบนโลกมนุษย์ใหม่ๆ) แถมไม่ว่าผมจะโดนแรงกระแทกมากขนาดไหน มันก็ยังอยู่ทรงได้ และที่สำคัญพวกเขาสามารถเปลี่ยนเป็นผมสีทองได้เอง โดยที่ไม่ต้องมาเปลืองน้ำยาย้อมผมอีกด้วย อีกทั้งทรงผมของโกคูนั้น ก็มีส่วนโค้งหยักตั้งที่ดูเป็นเอกลักษณ์ น่าจดจำ ยากที่จะมีคนทำผมเลียนแบบได้ รวมไปถึง โกคูสามารถไว้ผมยาวสุดๆได้ ก็ตอนปล่อยซุปเปอร์ไซย่าระดับ 3 (แถมสามารถคืนทรงเดิมได้ด้วย)
– ส่วนตัวการ์ตูนอีกตัวที่ไว้ผมทรงแปลกๆอีกคน ซึ่งดูแล้วว่าเป็นทรงผมที่เปลืองเยลและน้ำยาย้อมผมมากที่สุด แถมเซ็ตทรงได้ยากมากอีกด้วย ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก มุโต้ ยูกิ จาก ยูกิโอ นั่นเอง ซึ่งเขาก็มีทรงผมที่ตั้งเด่ มีหลายแฉก มิหนำซ้ำยังมีการย้อมผมอีกเป็นชั้นๆ ทั้งสีแดงเอย สีดำเอง สีทองเอย ดูแล้วก็พาลสงสัยเอาว่า ก่อนจะไปเรียน ยูกิใช้เวลามากแค่ไหนในการเซ็ตผมทรงนี้ (แต่ยังไงซะ มีนักคอสเพลย์บางคนเคยทุ่มทุนทำทรงผมเลียนแบบยูกิ เหมือนกัน) แถมทรงผมของยูกินั้น ดูไปแล้วๆก็เป็นตัวละครที่ไว้ทรงผมได้เท่ห์และเห่ยมากพอๆกัน (แต่หนักไปอย่างหลังมากกว่า………อันนี้แล้วแต่คนมองนะ)
นอกจากยูกิแล้ว หากจะสังเกตกันให้ดี ทรงผมของเหล่าบรรดาตัวละครในยูกิโอ เช่น อันสึ ,โจวโนะอุจิ ฯลฯ ต่างก็มีทรงผมที่หนา แข็ง และ มีรูปทรงเหลี่ยมๆ นับว่าเป็นการ์ตูนที่มีตัวละครที่ไว้ผมหนาที่สุดอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว – จากยูกิโอะ คราวนี้ก็ขอพูดถึงเรื่อง บลีช กันบ้าง ซึ่งทรงผมแต่ละคนไม่ว่าจะเป็นตัวละครชายหญิงต่างก็ไว้ผมตามเทรนด์สมัยนิยม ทำให้เป็นที่ดึงดูดของบรรดานักอ่านวัยรุ่นไปเปราะหนึ่ง แต่ยังไงซะในกลุ่มตัวละครทั้งหมดในบลีช ก็ต้องมีคนที่ไว้ทรงผมแปลกๆบ้าง ซึ่งคนที่มีทรงผมที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดในเรื่องนี้ เชื่อว่าแฟนๆบลีช คงจะเทใจให้กับ ซาราคิ เคมปาจิ อย่าง แน่นอน ซึ่งทรงผมทรงหอยเม่นที่เต็มไปด้วยหนามคม แถมมีกระดิ่งเล็กๆห้อยอยู่ ของหัวหน้าหน่วย 11 แห่งโซล โซไซตี้ ผู้นี้ คงยากที่จะมีใครทำเลียนแบบได้ ส่วนคนอื่นๆที่มีความแหวกแนวรองลงมา ก็มี คุจิกิ เบียคุยะ หรือ พี่เบีย ของสาวๆหลายคน ที่มีความโดดเด่นตรงผมหน้าที่ดูเหมือนมี”กระเบื้องมุงหลังคา”ติดอยู่ ทำให้เข้ากับทรงผมที่ยาวและบุคลิกที่เงียบขรึม เย็นชา ได้ดี หรือ จะเป็นทรงผมปิดตาซะจนปิดครึ่งหน้ามิด ของ คิระ รองหัวหน้าหน่วย 3 ส่วนอีกคน ก็คือ สาวลูเคีย ที่ไว้ทรงผมหนาฟู ซอยผมซะสั้น จนมีรูปทรงคล้ายๆกับหัวหอมลูกหนึ่งเลยทีเดียว
– ต่อไปก็ขอข้ามฟากไปที่ วันพีซ บ้าง ซึ่งเรื่องนี้จะขาดในบทความนี้ไปไม่ได้เลย เพราะ เป็นการ์ตูนที่มีตัวละครไว้ผมทรงแปลกประหลาดมากที่สุด!!!! โดยเฉพาะกับบรรดาตัวประกอบทั้งหลาย ซึ่งมีทั้งไว้ทรงผมยาวรี เช่น เฮลเมปโป(เล่มแรกๆ) ,ทรงไม้กางเกง ของ ดร.ฮิลรุค, หรือจะเป็นทรงผมหยิกฟู สามารถยืดเส้นผมออกมาคล้ายกับเส้นบะหมี่ อย่าง แวนเซ่, ทรงผมยาวหลายม้วน แถมซ่อนอาวุธปืน เช่น อิการัม ,หรือจะเป็นทรงผมของเบลเมล ฯลฯ ในส่วนของพรรคพวกของของลูฟี่นั้น ก็มีทรงผมของแฟรงกี้ ที่ดูแล้วออกคล้ายๆกับ Ace Ventura (ตัวละครในหนังเรื่อง Ace Ventura นำแสดงโดย Jim Carrey) ,ซันจิ ที่ไว้ทรงผมปิดข้างหนึ่ง จนกลายเป็นหนึ่งในปริศนาลึกลับของวันพีซ และ ทรงผมสีเขียวราวกับเห็ดราของโซโล
-หากจะพูดถึงตัวละครที่ไว้ทรงผมยาวสลวยที่สุดนั้น ตามความเห็นของผู้เขียนนั้น น่าจะเป็นเหล่าบรรดาตัวละครในเรื่อง เซนต์ เซย่า ซึ่งบรรดาเซนต์แต่ละคนในเรื่องต่างก็ไว้ผมยาวสลวย แถมเส้นผมก็พริ้วเบา จนน่าสงสัยว่าพวกเขาใช้ยาสระผมยี่ห้ออะไร ทำให้ผมออกมานุ่มสวยขนาดนี้ แล้วยิ่งเป็นหนุ่มที่หน้าสวยแล้วละก็ ยิ่งดูสวยงามราวกับเป็นผู้หญิงเลย เช่น ชุน,อโฟรดิเต้,ชากะ เป็นต้น
– ส่วนผมอีกทรงหนึ่งที่พบมากในการ์ตูนญี่ปุ่น โดยเฉพาะกับการ์ตูนแนวจิ๊กโก๋ตีกันนั้น ทรงผมที่พวกเขาไว้กัน ส่วนใหญ่เป็นทรงรีเจ้นท์ ซึ่งเป็นทรงที่นักเลงญี่ปุ่นสมัยก่อนชอบทำ และส่งผลอิทธิพลต่อนักเรียนนักเลงสมัยนี้ โดยมีรูปร่างคล้ายๆทรงผมของเอลวิส เพียงแต่มีกระบังหน้าผมที่หนามากๆและยื่นออกมายาวผิดระเบียบ เล่นเอาเสียตังค์ค่าเยลไปหลายกระปุกเหมือนกัน หรือใครอยากจะประหยัดค่าเยลหน่อยก็ไว้ทรงโมฮอว์กผ่าเหล่ากันไปเลย ถ้าใครนึกไม่ออกก็ลองหาการ์ตูนแนวนี้อย่าง คู่คนลุยเลอะ,Worst,เรียกเขาว่าอีกา,คุโรมาตี้ ฯลฯ
– พูดถึงตัวละครชายมาเยอะแล้ว ก็ขอพูดถึงตัวละครหญิงบ้าง ซึ่งทรงผมที่ตัวละครหญิงหลายๆเรื่องนิยมไว้อีกทรงหนึ่ง ก็คือ ทรงทวินเทล (Twin Tail) ตัวละครสาวๆที่ไว้ผมทรงนี้ก็มี ทสึกิโนะ อุซางิ (เซเลอร์มูน),อาซึกะ แลงเกรย์ (เอวานเกเลี่ยน),ซาวาจิกะ เอริ (School Rumble),คากุระซากะ อาซึนะ (เนกิมะ), ฮิอิรากิ คางามิ (Lucky Star) ,เทนโมขุ ซากุราโกะ (ไอคอล), ซันเซนอิง นางิ (ฮา ยาเตะ) เป็นต้น ซึ่งไปๆมาๆ ก็มีคนให้ข้อสังเกตว่า สำหรับการ์ตูนสมัยใหม่ๆหลังยุคเซเลอร์มูน ตัวละครสาวที่ไว้ผมทรงนี้ จะมีนิสัย”ซึนเดเระ” ทั้งนั้น คือ มีนิสัยเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจ ทำท่ารังเกียจเขา(ถึงขั้นใช้กำลัง) แต่เอาเข้าจริง ก็แอบชอบเขาอยู่เหมือนกัน (จะมีคางามิเนี่ยแหละ ที่ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันว่า เป็นพวกสาวซึนหรือไม่)
– ถึงตัวละครหญิงจะไว้ผมธรรมดาบ้าง แปลกบ้าง แต่ก็มีอยู่บางคนที่ได้เพิ่มเส้นผมชี้เด่ตรงหน้า หรือ บนศีรษะ จะหนึ่งเส้น หรือ 2 เส้นคล้ายหนวดแมลงสาบก็ตาม ซึ่งเส้นผมตรงส่วนนี้แหละ ที่เป็นตัวช่วยเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดให้กับตัวละคร (บ้างก็ว่าเป็นการเพิ่มความ”โมเอะ” ของตัวละครไปในตัว) เช่น นารุเสะงาว่า นารุ (Love Hina),เบลดันดี้(Ah! My Goddess) ,อิซึมิ โคนาตะ (Lucky Star) เป็นต้น
– ส่วนการ์ตูนอีกเรื่องที่จะลืมไม่ได้เลย นั่นคือ โดราเอม่อน !! แล้วมีใครในโดราเอม่อนที่ไว้ผมแปลกๆบ้าง ถึงแม้จะดูไม่แปลกเมื่อมองผ่านๆ แต่พอมองดูดีๆ ก็มี ซูเนโอะ นี่แหละ ที่ไว้ทรงไม่เหมือนใครเลย คือ ไว้ผมหน้ายื่น แล้วแถมมีหักมุมเข้าไปข้างในอีก ซึ่งก็เป็นทรงที่เข้ากับคนปากแหลมอย่างซูเนโอะได้เป็นอย่างดี ส่วนอีกคนก็ชิซูกะ ซึ่ง จริงๆก็แค่มัดผมสองข้างธรรมดาๆ เพียงแต่ตรงส่วนหางผมทั้งสองข้างนั้นมันมีลักษณะคล้ายๆ”ก้ามปู”ดีๆนี่เอง เช่นเดียวกับไจแอนท์ที่ขนาดไว้ผมเกรียนแล้ว ยังอุตสาห์ทำผมหน้าเป็นหยักๆอีกด้วย -ต่อไปก็ขอข้ามไปที่การ์ตูนแนวสืบสวนบ้าง ซึ่งตัวละครหลักในเรื่องต่างก็ไว้ผมธรรมดาทั้งนั้น แต่จะมีเธอผู้นี้เนี่ยแหละ ที่ทรงผมดูจะเด่นกว่าชาวบ้านเขาเลย ซึ่งเธอผู้นั้นก็คือ โมริ รัน จากโคนัน นั่นเอง ซึ่งเธอนั้นก็มีกระบังผมอันสุดแหลมตั้งเด่นเป็นตระหง่าน แถมมันแหลมมากจนน่าจะเป็นอาวุธลับแทงชาวบ้านได้ (ลำพังแค่วิชาคาราเต้ของรันก็ปราบใครมานักต่อนักแล้ว)
-ทรงต่อไป ก็ขอไม่แนะนำสำหรับคนที่อยากหล่อหรือสวย เพราะทรงดังต่อไปนี้ เป็นทรงที่ “โกร๋น” มีเพียงเส้นผมอยู่ 3 เส้นตั้งบนหัว ซึ่งตัวละครที่ไว้ผมทรงนี้ ก็มี ผีน้อยคิวทาโร่,ฮาเงะมารุ รวมไปถึง ปังปอนด์ !!! (มีแต่ตัวละครเด็กๆทั้งนั้นเลยอ่ะ) -นอกจากนี้ก็มีทรงผมหนาตั้ง ตามเทรนด์นิยมวัยรุ่น เช่น ทรงหอยเม่นของ มิโด้ บัน (Get Backers), ทรงผมตั้งหลายแฉกของ Cloud (Final Fantasy),หรือจะเป็นทรงผมตั้งของบาซาร่า (Macross 7) ฯลฯ
-ทรงผมก็มีส่วนสำคัญอย่างมากในแง่ของเอกลักษณ์ของ ตัวการ์ตูน ซึ่งมีส่วนสำคัญมากจริงๆ โดยเฉพาะกับตัวละครในเรื่องที่มีหน้าตาคล้ายๆกัน หากให้ตัวละครในเรื่องไว้ผมทรงที่ใกล้เคียงกันแล้วละก็ แทบจะแยกหน้าตากันไม่ออกเลย ยกตัวอย่างเช่น สาวๆในเนกิมะ ที่หน้าตาแต่ละคนคล้ายคลึงกันมาก หากไม่ได้ทรงผมที่เป็นเอกลักษณ์แล้วละก็ คนอ่านมีสิทธิ์มึน จำสับกันได้ ยกตัวอย่างเช่น ผมทรงซามูไรของเซ็ตซึนะ,ทรงผมปิดตาของโนโดกะ,ทรงมัดผมสองข้าง+หางเปียสองข้างของซากุราโกะ,ทรงผมของยูเอะ ฯลฯ
นอกจากนี้ ทรงผมก็เป็นตัวจำแนกตัวละครที่มีหน้าตาเหมือนๆกันได้ แม้จะอยู่ต่างเรื่องกันก็ตาม โดยเฉพาะกับ ตัวละครที่เป็นผลงานของ อ.อาดาจิ มิตซึรุ (สำหรับรายนี้อาจจำแนกลำบากหน่อยนะ) -แต่สำหรับตัวละครบางตัวที่มีทรงผมเป็นเอกลักษณ์ คุ้นตาคนอ่าน แต่พอลองเปลี่ยนทรงผมไปเป็นอีกทรงหนึ่ง ก็มีผลต่อผู้อ่าน ในแง่ของเสน่ห์ ความดึงดูดของตัวละครที่มีมากขึ้นหรือลดลงได้เหมือนกัน โดยเฉพาะกับคาแร็คเตอร์ตัวละครสาวๆที่มัดผมนั้น แต่พอลองปล่อยผมดู ก็พบว่า ส่วนใหญ่จะออกมาดูดี น่ารัก มีเสน่ห์ออกแนวผู้หญิงๆในสายตาของนักอ่านมากขึ้น ซึ่งก็มีอยู่ด้วยกันหลายคนเลย หรือไม่ก็ตัวละครชายบางคน พอเปลี่ยนทรงผม ก็แทบจะเปลี่ยนคาแร็คเตอร์เหมือนกัน เช่น ซากุรางิ กับ มิตซึอิ ในสแลมดังก์ พอตัดผมสั้นลง ทำให้พวกเขาดูเป็นคนเอาจริงเอาจังกับบาสเก็ตบอลมากขึ้น เช่นเดียวกับ จาง จาก จอมโหดกระทะเหล็ก พอขึ้นภาคใหม่กลับไว้ผมยาวขึ้น ดูแล้วราวกับว่าจางกลายเป็นคนใจเย็นมากกว่าภาคก่อนที่ยังทำตัวเกรียนสมกับ ทรงผม หรือจะเป็นไอเซ็น จากบลีช ที่พอเปลี่ยนทรงผมที กลายเป็นผู้นำสุดหล่อโฉดแห่งกองทัพอารันคาร์ ผิดกับตอนเป็นยมทูตที่ยังไว้ทรงผมซะกระเซิง
ในทางกลับกัน ก็มีตัวละครบางตัวที่พอเปลี่ยนทรงแล้ว ฟีดแบ็คจากคนอ่านดั๊นกลับออกมาเป็นลบ เช่น รินาลี่ ลี จาก ดีเกรย์แมน พอเธอไว้ผมสั้น จากที่เคยไว้ยาว ก็ทำเอาคนอ่านหนุ่มๆรีเควสต์ให้เธอกลับไปไว้ผมยาวอีกหน (จะใช้”อินโนเซ็นต์”ช่วยผมยาวก็ได้ไม่ว่ากัน).. -จากข้างบน ก็นึกขึ้นได้ว่า ในบรรดาตัวการ์ตูนหลายตัว ก็มีอยู่บางคนที่เปลี่ยนทรงผมบ่อยครั้ง ตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่องเลย ซึ่งได้แก่ บลูม่า กับ ยามุชา(หยำฉา) จากดราก้อนบอล นั่นเอง หากลองเปิดตั้งแต่เล่มแรกจนถึงเล่มสุดท้าย ก็พบว่าทั้งสองคนนี้ต่างก็เปลี่ยนทรงผมมากกว่า 5 ครั้งด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ก็มีอยู่คนนึงที่เปลี่ยนทรงผมบ่อยเหมือนกัน แต่เปลี่ยนบ่อยเฉพาะช่วงต้นๆของเรื่อง ซึ่งจะมีใครไปไม่ได้นอกจาก “พระเจ้า H” ฮารุฮิ นั่นเอง สงสัยคุณเธอคงลังเลว่าจะไว้ผมทรงไหนดี เลยลองเปลี่ยนทรงทุกๆวัน จนกระทั่งลงตัวที่สุดกับทรงผมบ๊อบสั้น อย่างที่หลายคนคุ้นเคย -สุดท้ายนี้ ตัวละครหลายๆตัวต่างก็มีทรงผมเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมีทั้งดูดีบ้าง ดูไม่ดีบ้าง แต่สำหรับบางคนนั้น ก็ขอบอกไว้ก่อนว่า บางทีทรงผมสุดเจ๋งของพวกเขาอาจไม่ใช่ทรงผมที่แท้จริงของเขาก็เป็นได้!! เอ๊ะ! หมายความว่าอย่างไร แสดงว่าจริงๆแล้วเขาไม่ได้ไว้ทรงผมทรงนี้ตั้งแต่แรกแล้วหรือ? แต่กลับปิดบังตลอดเวลา….ถึงจะปิดบังยังไง คนอ่านก็รู้อยู่ดี ชนิดที่ผิดคาดสุดๆ อย่างเช่น ฮายาชิดะ จากคุโรมาตี้ ที่หลายคนติดตากับผมทรงโมฮอว์ก แต่โทษทีเถิด จริงๆแล้วมันดันเป็นวิกซะนี่!! เล่นเอาฮาตึงกันไปข้าง รวมไปถึงรายล่าสุดที่ทำเอาหนุ่มๆถึงกับช็อค นั่นคือ ทสึกิโนะ จาก แชมเปี้ยนขนมปังนั่นเอง ซึ่งปกติเราจะเห็นสาวน่ารักอย่างทสึกิโนะ มากับทรงผมอันยาวสลวย แต่กลับเจอทีเด็ดรีแอ็คชั่นจากขนมปังของอาสุมะ เปิดเผยความจริงว่าเธอหัวล้าน!!! ซึ่งมีสาเหตุมาจากความเครียดนับตั้งแต่ทำงานเป็นประธานของแพนตาเซีย!!!!!!
ที่มา http://www.kartoon-discovery.com/topic/topic200804.html |
จะอ่านการ์ตูนเรื่องอะไรให้เข้ากับวันแห่งความรักดี? |
|
ก็ขอต้อนรับวันวาเลนไทน์ หรือ วันแห่งความรัก กันด้วย บทความชิ้นนี้ครับ หากจะพูดถึงวันแห่งความรักนั้น ก็เป็นวันที่หลายคนแสดงความรักต่อกันและกัน ไม่ว่าจะเป็น แฟน เพื่อน พี่น้อง รวมไปถึง พ่อแม่ ผู้ปกครอง รูปแบบการแสดงความรักก็จะแตกต่างกันออกไป เช่น การไปเที่ยวด้วยกัน การซื้อของขวัญ (โดยเฉพาะ ช็อคโกแล็ต) การมอบดอกไม้ เป็นต้น แต่รูปแบบการแสดงความรักดังกล่าวไม่ได้มีเพียงแค่นั้น ยังรวมไปถึง การทำความดีในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้คนที่คุณรักนั้นพอใจ หรือ จะบริจาคทานให้กับบุคคลผู้ยากไร้ เป็นต้น
แม้ว่า ในวันที่ 14 ก.พ. จะมีบางส่วนที่สมหวังกับความรักอันชื่นมื่น แต่ก็มีอยู่บางคนที่ไม่สมหวังกับความรัก อาจเกิดอาการท้อแท้ และ เบื่อหน่าย มิหนำซ้ำดีไม่ดีอาจทำการใดๆที่ดูแล้วขาดสติ ดังที่เป็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ไม่ว่าจะเป็น การฆ่าตัวตาย หรือจะเป็นการทำร้ายร่างกายกัน เป็นต้น ซึ่งจุดนี้ใครก็ตามที่อยู่ในห้วงแห่งความผิดหวังในความรักหรือลุ่มหลงกับ ความรักมากเกินไปนั้น ขอแนะนำว่า ช่วยมีสติกันสักนิดนึง เพราะหากกระทำสิ่งใดที่ขาดสติ ก็จะเกิดผลเสียตามมาหลายอย่าง จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมในวันแห่งความรักที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นเช่นกัน ซึ่งการ์ตูนที่จะอ่านนั้นก็ไม่จำกัดว่าจะเป็น แนวไหน ทั้งตลก บู๊ กันไปต่างๆนานา แต่แนวการ์ตูนที่จะแนะนำตามหัวข้อนี้ก็คือ การ์ตูนแนวโรแมนติค นั่นเอง ซึ่งขึ้นชื่อว่า แนวโรแมนติคแล้ว ก็ต้องเกี่ยวข้องกับความรักแน่นอน ซึ่งในการ์ตูนแนวนี้นั้น ก็จะนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการแสดงความรักระหว่าง พระเอกกับนางเอก รวมไปถึงตัวละครอื่นๆในเรื่อง เรื่องความความสัมพันธ์ในแง่ความรักของแต่ละคนนั้นในโลกของการ์ตูนนั้น ส่วนใหญ่ก็จะอิงมาจากเรื่องราว การแสดงความรักที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความจริง ซึ่งมีทั้งความสุขบ้าง ทุกข์บ้าง เช่นเดียวกัน รวมไปถึง การ์ตูนแนวนี้ยังสะท้อนไปถึงวิธีแก้ปัญหาในยามที่ประสบปัญหาในความรักที่มี ทั้งวิธีที่ถูกและผิดแตกต่างกันไป ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของตัวผู้อ่านเองละครับว่า อันไหนถูกอันไหนผิด จะได้นำไปประยุกต์ใช้กับการดำเนินชิวิตของตนเองได้ หากจะพูดถึงการ์ตูนแนวรักโรแมนติคนี้ จะว่ากันจริงก็มีอยู่ด้วยกันหลายเรื่องเลย(โดยเฉพาะการ์ตูนผู้หญิงตาหวาน) ในบทความนี้เราจะคัดย่อพูดถึงแค่เรื่องที่บ้านเราน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ประเภทที่ว่า ผู้ชายอ่านได้ ผู้หญิงอ่านดี จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย 1.ถนนสายนี้เปรี้ยว – Orange Road (อิสึมิ มัตซึโมโต้) 2.Ah! MyGoddess (โคสุเกะ ฟูจิชิม่า) *เกร็ดเล็กๆน้อยๆ: ชื่อนางฟ้าทั้งสามคนนั้น มาจากเทพตามตำนานนอร์ส หรือ ยุโรปเหนือ ซึ่งประกอบไปด้วย Urd(เทพแห่งอดีต) Verdandy(เทพปัจจุบัน) และ Skuld(เทพแห่งอนาคต) 3.บ้านพักอลเวง – Maison Ikkoku (รูมิโกะ ทาคาฮาชิ) 4.Love Hina (เคน อาคามัตซึ) 5.สมองกลคนสวย – A.I Think So! (เคน อาคามัตซึ) 6.ไอส์ – I’s (มาซาคาสึ คัตซึระ) *เกร็ดเล็กๆน้อยๆ: ชื่อเรื่อง I’s หากจะสังเกตุกันดีๆนั้น ก็มาจากชื่อของตัวเอกทั้ง3 ซึ่งขึ้นต้นด้วย “อิ” หมดเลย ![]() 7.ดิจิตัลเลดี้ – Chobits (Clamp) 8.สูตรรักฉบับนักเรียน – School Rumble (จิน โคบายาชิ) 9.Ichigo 100% (มิสุกิ คาวาชิตะ) 10.เก๋าโจ๋โก๋พันธุ์สวย – Pretty Face (คาโน่ ยาสึฮิโระ) 11.มือขวากับขาโจ๋ (คาสึโร่ อิโนะอุเอะ) 12.ไอคอล์ – Ai Kora/Love & Collage(คาสึโร่ อิโนะอุเอะ) ![]() 13.วุ่นรักนักดนตรี – Nodame Cantabile (โทโมโกะ นิโนมิยะ) 14.Boy Be(มาซาฮิโระ อิตาบาชิ (เรื่อง) ฮิโรยูกิ ทามาโคชิ (ภาพ)) 15.นานะ (ไอ ยาซาว่า) 16.Paradise Kiss (ไอ ยาซาว่า)
![]() 17.Onegai Teacher ( Please! (เรื่อง), ชิซุรุ ฮายาชิยะ (ภาพ)) ![]() 19.H2 (อาดาจิ มิตซึรุ) อนึ่ง ผลงานของอ.อาดาจินั้น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแนวความรักระหว่างวัยรุ่นเช่นเดียวกับ H2 ไม่ว่าจะเป็น Slow Step,Rough,และ Touch 20.Peach Girl (มิวะ อุเอดะ) 21.ลามู ทรามวัยจากต่างดาว – Urusei Yatsura (รูมิโกะ ทาคาฮาชิ) 22.ลุ้นรักตามสายลม – Suzuka (โคจิ เซโอะ) ![]() 23.Fushiki Yuki (ยู วาตาเสะ) 24.Da Da Da (มิกะ คาวามูระ) 25.จอมแสบวัยซ่า – Cheeky Angel (ฮิโรยูกิ นิชิโมริ) 26.เสน่ห์ข้าวปั้น – Fruit Basket (นัตซึกิ ทาคายะ) 27.เรื่องธรรมดาของเธอกับฉัน (มาซามิ ซึดะ) 28.ชมรมรัก คลับมหาสนุก – Ouran High School Host Club(บิสโก้ ฮาโตริ)
ที่มา http://www.kartoon-discovery.com/topic/topic200702.html |
Last Update 03/10/2551
ศัพท์ดังต่อไปนี้นั้น ก็เป็นคำศัพท์ทั่วๆที่คนการ์ตูนเขาพูดกันครับ เวลาคุณได้ยินคำเหล่านี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ คุณก็รู้ได้เลยว่ามันเป็นศัพท์เฉพาะ ของวงการการ์ตูนแน่ๆ และ อาจเป็นผลดีที่ต่อไปคุณอาจสื่อสารกัน รู้เรื่องขึ้น และเข้าใจให้ถูกต้องมากขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
kartoon-discovery.com
|

เหตุผลหนึ่งที่ผมต้องการอยากจะเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับ การ์ตูนไทย ก็เพราะ ในช่วงต้นเดือนนี้ ก็มีงานการ์ตูนสำคัญๆที่จัดขึ้นในบ้านเรา นั่นก็คือ งานมหกรรมการ์ตูนโลก จัดขึ้นที่ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี วันที่ 7-15 มกราคม และ งาน TAM 2006 จัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ วันที่ 12-15 มกราคม
โดยงานมหกรรมการ์ตูนโลกนั้น ก็จัดว่าเป็นงานการ์ตูนงานใหม่ ซึ่งจัดโดย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างจินตนาการของน้องๆหนูๆวัย0-6ปี และ มีเหล่าตัวการ์ตูนจากทุกมุมโลก รวมถึง การจัดกิจกรรมมากมายมาให้ผู้เข้าชมงานได้สนุกกัน ส่วนงาน TAM 2006 (Thailand Animation and Multimedia)นั้น ก็จัดขึ้นมาในปีที่3 แล้ว เป็นงานที่มีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนผลงานด้าน อนิเมชั่น เกมส์ และ ไอที โดยฝีมือคนไทย และ ให้ความรู้และสนับสนุนอาชีพด้านไอที และ อนิเมชั่น ซึ่งในงานก็มีการออกบูตของบริษัทชั้นนำของโลกและของไทยเช่นกัน
โดย2งานดังกล่าวนั้น ถ้าจะว่ากันจริงๆ ทั้ง2งานก็จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมงานทางด้านอนิเมชั่น และ เกมส์ โดยฝีมือคนไทย เพื่อยกระดับให้ก้าวหน้าทัดเทียมเท่ากับประเทศอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงในด้านนี้อย่าง ญี่ปุ่น และ อเมริกา พอย้อนกลับมาดูอนิเมชั่น หรือ การ์ตูน ฝีมือคนไทยในปัจจุบันนี้ ก็ถือได้ว่า ได้รับการยอมรับจากคนส่วนหนึ่ง
คือ ถ้าเป็น คอมิค ฝีมือคนไทย นอกจากจะมี ขายหัวเราะ และ มหาสนุก ที่ยังคงได้รับความนิยมอยู่ ก็ยังมีการ์ตูนไทยที่ได้รับอิทธิพลมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นหรือชาติอื่นๆ เช่น Joe the seacret agent ,มีด 13 และ อภัยมณีซาก้า ก็เป็นที่ชื่นชอบของผู้อ่านวัยรุ่นรวมไปถึงการ์ตูนที่ดัดแปลงจากประวัติ ศาสตร์ไทยก็ออกแบบตัวการ์ตูน ให้ออกญี่ปุ่นๆเพื่อดึงดูดผู้อ่านวัยเด็กด้วย
ส่วนอนิเมชั่นไทย ก็ถือว่า ยังมีการผลิตกันอยู่เรื่อยๆ และ ที่ถือว่าประสบความสำเร็จ ก็มี สุดสาคร ปังปอนด์ ดิ อนิเมชั่น ไฮเปอร์บ็อกซ์ โดย2เรื่องหลังประสบความสำเร็จถึงขนาดที่บางประเทศขอซื้อลิขสิทธิ์ไปฉาย และปัจจุบัน ก็มี 3 ก๊ก ฝีมือของคุณหมูนินจา ฉบับอนิเมชั่นมาฉายทางช่อง7ด้วย และ ก้านกล้วย ภาพยนตร์อนิเมชั่นทุนสร้างสูงของบ.กันตนาก็กำลังจะออกเข้าฉายทั่วโลกด้วย เช่นเดียวกัน
ถึงการที่รัฐบาลจัดงาน2งานดัง กล่าวเพื่อสนับสนุนวงการการ์ตูนไทยจริงๆ และ การ์ตูนไทยนั้นมีการพัฒนาสนับสนุนต่อเนื่องจริงๆถ้านับจากปริมาณ แต่ถามว่า รัฐบาลสนับสนุนมากพอหรือไม่ ขอบอกไว้เลยว่ามันยังไม่พอ ถึงจะอ้างว่า ตอนนนี้พวกเขาสามารถสนับสนุนให้การ์ตูนไทยได้ยกระดับความก้าวหน้า ทัดเทียมกับการ์ตูนฝรั่งหรือการ์ตูนญี่ปุ่นได้แล้วนั้น ถือว่าเป็นคำพูดที่ค่อนข้างเกินจริงไปสักหน่อย แม้ว่าในปัจจุบันการ์ตูนไทยได้รับความยอมรับจากผู้อ่านและ
ผู้ชมกลุ่มหนึ่งมากขึ้น แต่ทว่าการ์ตูนไทยในทุกวันนี้นั้น มันยังขาดองค์ประกอบหลายอย่างที่ทำให้การ์ตูนไทยนั้นยังไม่ได้รับความนิยม เท่ากับการ์ตูนจากญี่ปุ่นและตะวันตก ซึ่งผมรับรองได้ว่า มีผู้อ่านการ์ตูนหลายๆคน ที่อยากจะให้การ์ตูนไทยเรานั้น พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง เหมือนกับการที่เราหวังอยากให้ฟุตบอลทีมชาติ ประสบความสำเร็จในระดับที่สูงกว่า ไม่ใช่เอาแต่ยึดติดกับเจ้าซีเกมส์เหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
แล้วทำไมพวกผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราถึงไม่ค่อยสนับสนุน กลุ่มคนทำงานเกี่ยวกับการ์ตูน ทั้ง อาชีพนักแต่งการ์ตูน อนิเมเตอร์ มากนัก ทำให้เส้นทางของคนทำอาชีพนี้ ค่อนข้างจะสะเปะ สะปะ ไม่มีอนาคตที่แน่นอนเอาซะเลย ส่วนหนึ่งก็เพราะพวกเขาต้องคอยแก้ปัญหาเกี่ยวกับบ้านเมืองซึ่งเป็นเรื่องที่ สำคัญมากกว่า ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริง แต่ทำไมไม่ลองหันไปดูแลสนับสนุนกลุ่มคนทำงานการ์ตูนให้เป็นอาชีพที่มั่นคง เหมือนกับคนญี่ปุ่นบ้างล่ะ ซึ่งก็คล้ายๆกับ การที่รัฐพยายามสนับสนุนเรื่องกีฬาให้กลายเป็นอาชีพหนึ่งเช่นกัน
เส้นทางของกลุ่มคนทำงานวงการการ์ตูน และ นักกีฬาอาชีพในบ้านเรา ต่างก็มีจุดหนึ่งที่คล้ายคลึงกัน นั่นก็คือ ความไม่แน่นอนในเส้นทางอาชีพ คือ พวกเขาเคยใฝ่ฝันว่าจะมายืนอยู่ในวงการนี้ แต่แล้วก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเขานั้น เลิกใฝ่ฝันที่จะทำ แล้วสิ่งใดล่ะที่ทำให้คนกลุ่มนี้ถึงไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนมากเท่าที่ควร จนบางคนถอดใจถึงกับเลิกเลย ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ ทัศนคติวิสัยทัศน์ของ คนบางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ใหญ่บางคน(และเป็นส่วนใหญ่) นั้น มักจะติดภาพของการ์ตูนว่า เป็นสิ่งไร้สาระ เป็นเรื่องสำหรับเด็กๆเพียงกลุ่มเดียว และก็เพราะทัศนคติของพวกเขาเหล่านี้แหละ ที่ทำให้เกิดการโต้เถียงกันระหว่างผู้ใหญ่รุ่นเก่ากับเด็กสมัยใหม่อยู่บ่อยๆ เชื่อว่า มีหลายๆคนที่เคยสนุกกับการ์ตูนอย่าง โดราเอม่อน นั้น ก็เคยคิดฝันอยากเป็นคนทำการ์ตูน แต่ก็ถูกผู้ใหญ่ผู้หวังดีกลุ่มนั้นเบรกไว้ โดยอ้างว่า ต้องเรียนให้สูงๆ ถึงจะมีอนาคตดีๆ หรือไม่ก็ บอกว่า เหลวไหล ไปทำอย่างอื่นที่มันได้เรื่องได้ราวจะดีกว่า ซึ่ง ผมเชื่อว่า ในแง่จินตนาการนั้น คนไทยก็มีความคิดสร้างสรรค์ที่แปลกใหม่ ไม่แพ้ใครเลย สามารถจะต่อเติมจินตนาการมากพอที่จะสร้างการ์ตูนได้อย่างหลากหลายแนว แต่จินตนาการของพวกเขานั้นก็มาหยุดชะงักลง ก็เพราะคนกลุ่มนั้นที่ยังมองว่า การ์ตูนนั้นมีไว้ให้เด็กๆดูเท่านั้น ต้องมีสาระประโยชน์ ข้อคิดดีๆ ต้องไม่รุนแรง และคงความเป็นไทยเอาไว้ แล้วมันก็ส่งผลให้ patternขององค์ประกอบในการ์ตูนไทยก็คงยึดติดกับรูปลักษณ์เดิมๆ ทั้ง “เด็กน้อยผมแกละ” “คนนุ่งสะไบ” “คนนุ่งโจงกระเบน” “บ้านทรงไทย” “หนุมาน” ฯลฯ แถม เนื้อเรื่องของการ์ตูนนั้นก็ยังคงเอาแต่พวกวรรณคดีมาเขียนทำใหม่ซ้ำแล้วซ้ำ เล่า ไม่เคยคิดที่จะคิดพล็อตเรื่องให้แหวกแนวเลย ซึ่งข้อความดังกล่าวนั้นดูเหมือนจะสื่อว่า จะให้การ์ตูนไทยมันไม่มีเอกลักษณ์ คอยแต่เลียนแบบญี่ปุ่นแบบนี้เหรอ ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่หมายถึง ให้เราคิดพล็อต หรือ องค์ประกอบต่างๆในการ์ตูนไทยให้พัฒนาไปตามยุคสมัยที่เกิดขึ้น และต้องน่าสนใจ เพราะ ในปัจจุบันนั้น เราก็ไม่ได้แต่งชุดโจงกระเบนออกไปเรียนหรือทำงานนิ เช่นเดียวกับ การที่เอาเนื้อเรื่องจากวรรณคดีมาแต่งเป็นการ์ตูนนั้น ก็ต้องคำนึงถึงยุคสมัย และที่สำคัญต้องกล้าที่จะดัดแปลงเนื้อเรื่อง แต่ยังคงต้องรักษาพล็อตเรื่องที่สำคัญๆเอาไว้ อย่างเช่น อภัยมณีซาก้า ที่ดัดแปลงจากวรรณคดีเรื่อง พระอภัยมณี แต่ผู้แต่งกล้าที่จะทำเรื่องให้แหวกแนวเป็นแนวแฟนตาซี เวทย์มนต์ แต่ยังคงรักษาพล็อตเรื่องที่สำคัญๆอย่าง การต่อสู้กับนางยักษ์ของพระอภัยมณีด้วยเช่นกัน
![]() ถึงสุดสาครจะประสบความสำเร็จในแง่ของผู้ชม แต่ก็ยังคงมีแฟนการ์ตูนบางส่วนที่ยังค่อนขอดว่า ยังยึดติดกับภาพลักษณ์ของการ์ตูนไทยแบบเดิมๆ |
ส่วนองค์ประกอบอีกอย่างหนึ่งของการ์ตูนไทยในปัจจุบันที่มักถูกวิจารณ์ บ่อยๆ นั่นก็คือ เรื่องของลายเล้น ซึ่งมักโดนติติงในแง่ที่ไม่เป็นเอกลักษณ์ เลียนแบบญี่ปุ่นชัดๆเลย ซึ่งในจุดนี้นั้น มันไม่สำคัญมากนัก เพราะ อย่าลืมว่า การ์ตูนญี่ปุ่นนั้น มันมีอิทธิพลกับการ์ตูนไทยมาตั้งนานแล้ว ถ้าลองมองกลับกัน การ์ตูนญี่ปุ่นช่วงแรกๆนั้น โดยเฉพาะ ผลงานของ อ.โอซามุ นั้น ก็มีลายเส้นที่คล้ายๆกับ การ์ตูนพวกวอล์ท ดิสนี่ย์ เลย แต่กลับกลายเป็นว่าผลงานของอ.โอซามุนั้นกลับดังไปทั่วโลก แถมเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเขียนการ์ตูนยุคหลังๆอีกด้วย นั่นก็เป็นเพราะว่า เขาเน้นความสำคัญไปที่เนื้อเรื่องมากกว่า ส่วนลายเส้นนั้นจะเน้นความสำคัญรองลงมา และ จากจุดนั้น การ์ตูนญี่ปุ่นยุคหลังๆก็มีการพัฒนาทั้งเนื้อเรื่อง และ ลายเส้นให้เป็นเอกลักษณ์ของตนเองมากขึ้น จนถึงขนาดที่การ์ตูนฝรั่งบางเรื่องในปัจจุบัน ก็ยังได้รับอิทธิพลจากการ์ตูนญี่ปุ่นด้วยเหมือนกัน ซึ่งการ์ตูนไทยก็เช่นเดียวกัน อย่าลืมว่า ลายเส้นจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่ขอให้เนื้อเรื่องที่สร้างสรรค์ออกมานั้น ขอให้ออกมาน่าสนใจก็พอ แม้ในวันนี้งานลายเส้นอาจคล้ายกับญี่ปุ่น แต่ในวันข้างหน้าเราอาจพัฒนาลายเส้นให้เป็นเอกลักษณ์ของตนเองก็เป็นได้
ถึงปัจจุบันนี้ จะมีคอมิคโดยฝีมือคนไทยมากขึ้น แต่ลองมองความนิยมของบรรดานักอ่านในปัจจุบันว่า ทำไมคอมิคฝีมือคนไทยถึงยังไม่ได้รับความนิยมเท่าคอมิคจากญี่ปุ่นล่ะ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนั้น การ์ตูนญี่ปุ่นยังคงโดนกลุ่มคนหัวเก่าค่อนแคะว่า ไร้สาระ ส่งเสริมเรื่องเซ็กซ์ และ ความรุนแรง ซึ่งจริงๆแล้วๆก็เป็นการมองแค่เพียงจุดๆหนึ่งแล้วเอาไปเหมารวมแค่นั้น โดยคนกลุ่มนั้นหารู้ไม่นั่น ว่าเนื้อเรื่องของการ์ตูนญี่ปุ่นนั้นยังมีมิติ ซับซ้อน หลากหลาย มากกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีก เพราะ ไม่ว่าจะเป็น การ์ตูนแนวแอ็คชั่น ทำอาหาร กีฬา การเมือง ก็มักเสริมเนื้อหาในแง่ของ มิตรภาพระหว่างเพื่อนพ้อง การต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่ว ความรู้ในแง่วิทยาศาสตร์ สังคม โภชนาการ ฯลฯ โดยที่การ์ตูนบางเรื่องนั้น อาจแฝงไปด้วยความรุนแรง ฉากวาบหวิว บ้างก็เพราะ ต้องการให้การดำเนินเรื่องนั้นมีอรรถรสมากขึ้น ทำให้อ่านสนุกมากขึ้น (แม้ว่าบางทีอาจใส่เยอะจนน่ารำคาญก็เถอะ)
ด้วยเหตุนี้ การ์ตูนจึงกลายมาเป็นวัตนธรรมประจำตัวของคนญี่ปุ่นเป็นสิ่งบันเทิงที่ดูได้ ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กก็สามารถอ่านได้ และ การ์ตูนของญี่ปุ่นนั้น นอกจากจะมีเนื้อเรื่องที่หลากหลายแล้ว ก็ยังมีการจัดเนื้อหาของการ์ตูนให้เหมาะสมกับกลุ่มคนแต่ละวัยด้วย อย่าง เด็กๆก็ต้องเป็นพวก โดราเอม่อน โปเกม่อน ดิจิม่อน เป็นต้น ส่วนวัยรุ่น ถึง ผู้ใหญ่นั้นก็จะเป็นการ์ตูนที่เพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นมาหน่อย รวมถึงมีฉากวาบหวิวมากขึ้นอีกด้วย
พอพูดถึงการ์ตูนญี่ปุ่น ก็ลองย้อนมามองถึงการ์ตูนไทยในปัจจุบัน ซึ่งการที่จะทำให้การ์ตูนไทยได้รับความนิยมจากผู้อ่านได้มากพอๆกับการ์ตูน ญี่ปุ่น หรือ ชาติอื่นๆ ก็คงจะต้องใช้เวลานานพอสมควร ตราบใดที่ กลุ่มผู้ใหญ่ในบ้านเรายังมองว่าการ์ตูนเป็นโลกของเด็กๆ ต้องคอยปรับทัศนคติเกี่ยวกับ การ์ตูน ว่า เป็นสิ่งบันเทิงของคนทุกเพศทุกวัยอยู่บ่อยๆ โดยผู้แต่งสามารถใช้จินตนาการให้เต็มที่เพื่อที่จะสร้างสรรค์การ์ตูนไทยที่ มีเนื้อหาเฉพาะตัว
จะ เอาเป็นแนวผจญภัย แอ็คชั่น อิงประวัติศาสตร์ กีฬา ทำอาหาร ฯลฯ โดยจะเสริมฉากแบบไหนก็ได้ และ อ่านได้ ทุกเพศทุกวัย เพียงแต่ว่า เราอย่ายัดเยียดความเป็นไทยเราให้มากเกินไป เอาพอเหมาะพอควร และให้คอยคำนึงถึงความเหมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบันของเราด้วย โดยเฉพาะ ฉากลามก ถ้าพูดกันตามตรง การ์ตูนไทย ยังไม่เหมาะสมที่จะมีพวกฉากเซอร์วิสสักเท่าไหร่ ผิดกับญี่ปุ่นที่เขาสามารถแต่งได้ก็เพราะ สังคมเขาเปิดกว้าง ค่อนข้างจะเปิดเผยในสาธารณะ ไม่เหมือนกับของไทยเรา ที่ยังคงอยู่ในกรอบศีลธรรม ซึ่ง ทุกวันนี้ก็มีข่าวอาชญากรรมทางเพศ และ การ์ตูนก็มักเป็นสาเหตุหลักอันดับต้นๆที่มักโดนโทษอยู่บ่อยๆว่าเป็นต้นเหตุ ของอาชญากรรม ทั้งๆที่พวกเขาอาจลืมไปว่า มีสื่ออื่นๆพวก ละคร นสพ.ฉบับวันอาทิตย์ นิตยสาร ก็ยังลงภาพเหล่านี้อยู่เหมือนกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นสื่อไหน มันก็มีผลต่อเยาชนไทยทั้งสิ้น แต่ต้องขึ้นกับการอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูของคนทางบ้านว่ามีมากน้อยแค่ไหน รวมถึงวิจารณญาณของผู้รับสื่ออีกด้วย ซึ่งที่ยังเป็นปัญญาอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะ รัฐยังไม่มีการจัดระเบียบของสื่ออย่างชัดเจน | ![]() เพชรพระอุมา การ์ตูนจากนิยายที่ขายดีทุกยุคทุกสมัย |
ซึ่งการจัดเรตของสื่อนั้น จริงๆก็อยากจะให้ทำ แต่คงยังไม่เหมาะสมกับสังคมบ้านเรานักในตอนนี้ เพราะ การจัดเรตสื่อนั้น มันมีผลต่อการพัฒนาการ์ตูนไทยด้วยเหมือนกัน เพราะ การจัดเรตของสื่อให้เหมาะสมกับวัยของผู้รับสื่อนั้น จะทำให้การ์ตูนไทยมีหลายเรื่องหลายแนว และ เน้นกลุ่มคนอ่านเฉพาะกลุ่มอายุมากขึ้น โดยการ์ตูนที่มีเนื้อหาเบาๆไม่มีฉากวาบหวิวรุนแรงก็ให้เด็กๆ(หรือ วัยอื่นๆ)อ่านได้ ส่วนการ์ตูนที่เนื้อหารุนแรงนั้นก็ให้ผู้ใหญ่เขาอ่านไป แต่อาจต้องหามาตราการป้องกันไม่ให้เด็กๆเขาเลือกซื้อการ์ตูนแนวผู้ใหญ่ โดยเฉพาะ การ์ตูนที่มีเนื้อหาลามกมอมเมาเยาวชน นั้นได้ ซึ่งถ้าจะว่ากันตรงๆ ในบ้านเราคงต้องใช้เวลาอีกนานหลายปีเลยทีเดียวหล่ะ
กล่าวโดยสรุป ทิศทางของการ์ตูนไทยจะมีหนทางที่สดใสขึ้น ถ้าทุกคนช่วยกัน คือ รัฐบาลจะต้องสนับสนุนกลุ่มคนในอาชีพสายการ์ตูนให้มากขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ให้เป็นอาชีพที่แน่นอนมั่นคง และ ต้องเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับ การ์ตูน ว่านั้นเป็นสิ่งบันเทิงสำหรับคนทุกเพศทุกวัย เช่นเดียวกับ หนัง หรือ ละคร และ ต้องมีการจัดระเบียบสื่อให้เหมาะสมกับวัยด้วย ส่วนคนทำอนิเมชั่นหรือคนเขียนการ์ตูนจะต้องพัฒนา สร้างตัวละครให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้เป็นที่จดจำของคนทั่วไป ในแง่เนื้อเรื่องนั้นไม่จำเป็นต้องยึดติดกับความเป็นไทยมากนัก แต่ ต้องทำเนื้อเรื่องให้น่าสนใจจริงๆ ส่วนคนอ่านการ์ตูนอย่างเราๆ ก็ต้องช่วยกันอุดหนุนการ์ตูนฝีมือคนไทยด้วยเช่นกัน
Jan 2006
รัก……หลากรูปแบบ |
|||||
ที่ตั้งหัวข้อมาเนี่ยก็ไม่ได้หมายถึง บทละคร หรือ หนังเรื่องใหม่แต่อย่างใด แต่เขียนให้เข้ากับช่วงวันแห่งความรัก ที่เวียนเข้ามาบรรจบกันอีกครั้งหนึ่ง …… บทความนี้รับรองว่าเกี่ยวกับการ์ตูนจริงๆ โดยจะมาบอกเล่าถึงความรักในแบบต่างๆซึ่งปรากฏในฉากการ์ตูน หากย้อนกลับไปมองเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้น ระหว่างชายหนุ่ม-หญิงสาวในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น ก็มีทั้งสุขและทุกข์ไปต่างๆนานา ทั้งความรักอันสุขชื่นมื่น หอมหวน ผูกพัน ระหองระแหง หึงหวง ผ่านอุปสรรคนานัปการ จนกระทั่งความรักนั้นสัมฤทธิ์ผล หรือ ไม่ก็ ผิดหวังจนเกิดโศกนาฎกรรมตามมา….ซึ่งเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นในโลกแห่ง ความจริงนั้น ก็สะท้อนไปยังเรื่องราวความรักในโลกการ์ตูนด้วย ซึ่งมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ใกล้เคียงกัน และเป็นการเสริมอรรถรสในเนื้อเรื่องของการ์ตูนอีกด้วย….ฉะนั้น จะขอหยิบเอามายกตัวอย่างให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะนึกคิดออกนะครับ ป.ล.บทความนี้จะพยายามจะเขียนแบบเน้นอารมณ์ไม่เครียด อย่าคิดจริงจังมากเน้อ
-รักข้างบ้าน / รักเพื่อนสนิท ….. แต่สำหรับบางเรื่อง เอาเข้าจริงนั้น ฝ่ายชายกลับลงเอยกับผู้หญิงอีกคน ทำให้ฝ่ายหญิงที่เป็นเพื่อนรักเก่าแก่ของเขา ได้แต่เจ็บช้ำระกำใจ
Exe. รัน กับ ชินอิจิ (โคนัน),ไคโตะ/จอมโจรคิด กับ อาโอโกะ(จอมโจรอัจฉริยะ),โยชิโมริ กับ โทคิเนะ(ผู้ผนึกมาร),โชตะ กับ มิวะ(Smash),ซึบาสะ กับ ซานาเอะ (กัปตันซึบาสะ),โกคู กับ จีจี้ (ดราก้อนบอล), ทัช กับ มินามิ (ทัช) รวมถึง คู่พระนางคู่อื่นๆจากผลงานของอ.อาดาจิ มิซึรุ ,คู่หนุ่มสาวจากการ์ตูนตาหวานบางเรื่อง ฯลฯ -รักรุ่นพี่รุ่นน้อง Exe.
-รักต้องห้าม Exe.
-รักสามเส้า ในส่วนคู่แข่งความรักของหนุ่มสาวคู่นั้นๆ ที่เห็นกันบ่อย คือ เป็นคู่แข่งความรักของตัวเอกซึ่งๆหน้า และ พยายามเอาชนะตัวเอกให้ได้ กับ เป็นเพื่อนซี้ผู้แสนดีของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง(แต่อุบเงียบเอาไว้)….หากความแตก เมื่อไหร่ มักลงเอยตรงที่ เขา หรือ เธอ มาจับมือกับเพื่อนซี้ผู้นี้ เพื่อสานฝันความรักของพวกเขาให้เป็นจริง
-รักรุมล้อม
-รักข้างเดียว Exe. สำหรับข้อนี้ใช่ว่าจะมีแต่นางเอก พระเอก หรือ พระรองก็มีเช่นกัน Exe. ซากุรางิ (สแลมดังก์) ที่มี ฮารุโกะ คนเดียวในดวงใจ ,รันโด (เก๋าโจ๋ โก๋พันธุ์สวย) ที่มี รีนะ คนเดียวในดวงใจ, โนบิตะ ที่มี ชิซูกะ คนเดียวในดวงใจ, ชิริว ที่มี ชุนเร คนเดียวในดวงใจเช่นกัน ฯลฯ
-รักซึน ซึ่งความรักแบบนี้ฝ่ายที่เป็นคนปกติ ธรรมดา คงต้องอ่วมกันหน่อยในช่วงแรกๆ จากการต้อนรับแบบปากคอเลาะร้ายของเขาหรือเธอ แต่เพราะความพยายามที่จะผูกมิตรสานสัมพันธ์กัน จนทำให้เหล่าคนธรรมดาสามารถสยบคนเย็นชาปากร้ายให้สงบลงได้
-รักกัดกัน/รักงอนๆ Exe.
-รักหลายใจ *ซาเอบะ เรียว (City Hunter) ที่คอยแอ้มสาวคนนู้นคนนี้ แต่ก็จบลงด้วยค้อน100t ของคาโอริ
-รัก”พาร์ท”
-รักตามติด -รัก”เรือสวย” / รักเลือดสาด
-รักจิ้นวาย
อย่างไรก็ตาม ก็มีตัวละครที่ถึงจะเป็นเพศเดียวกัน แต่ก็มีความรักกันอย่างบริสุทธิ์ ไม่ต่างจากคู่ชาย-หญิงเลย อีกทั้งคู่ดังกล่าวคนเขียนตั้งใจให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว พบมากในคู่ Yuri อย่าง ฮิเมโกะ กับ จิคาเนะ ใน Kannazuki no Miko , ยูมิ กับ ซาจิโกะ (Marimite) เป็นต้น
kartoon-discovery.com
|